Kimo no Suizo wo Tabetai หรือ ขอกินตับอ่อนของเธอหน่อย นิยายที่ชื่อดูยังไงมันก็นิยายแนวสยองขวัญที่เต็มไปด้วยฉากซาดิสต์และวิปริตเกินบรรยาย แต่หาใช่ไม่ มันคือนิยายแนวเลิฟคอมเมดี้ที่จะทำให้คุณรู้สึกมีความสุขที่ได้อ่านมัน เสมือนหัวใจได้ถูกเติมเต็มไปด้วยความสนุกยังไงยังงั้น (ต้องขอบคุณชื่อไทยที่ไม่ได้แปลตรงตัวแต่ใช้คำว่า ตับอ่อนของเธอนั้น ขอฉันเถอะนะ ซึ่งฟังดูเป็นแนวเลิฟคอมเมดี้มากขึ้นมากๆ)
เรื่องย่ออย่างที่น่าจะเคยอ่านกันคือพระเอกค้นพบว่าตัวนางเอกป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับตับอ่อนและมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน เลยค้นหาวิธีช่วยนางเอกและพบว่าค้นโบราณมีคำพูดที่ว่า ถ้าเราป่วยและได้กินอวัยวะนั้นๆของสัตว์ เราจะหายดี และนั่นเป็นที่มาที่พระเอกไปพูดกับนางเอกว่า “Kimi no Suizo wo Tabetai”
สิ่งที่โดดเด่นในเรื่องอย่างมากคืออารมณ์การปรับอารมณ์ของเรื่องนี้ เพราะธีมเรื่องนั้นแสนเศร้าแต่กลับดำเนินเรื่องไปด้วยความสนุกเฮฮาเฉกเช่นนิยายเลิฟคอมเมดี้ทั่วไป ซึ่งระหว่างที่คนอ่านอย่างเราๆกำลังสนุกไปกับความบ้าบอของเรื่องนี้ก็จะถูกตบหน้าแบบเจ็บๆด้วยการดึงไปฝั่งดราม่าอย่างฉับพลัน ก่อนที่จะดึงกลับมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสมือนคอยเตือนสติไว้เสมอว่าเรื่องนี้มันยังมีเงื่อนไขกับโรคติดตัวอยู่นะ ซึ่งมันเป็นจุดเด่นของเรื่องนี้อย่างมากๆ
ตัวละครในเรื่องจะโฟกัสไปที่พระเอกกับนางเอก พระเอกนั้นเป็นคนเงียบๆไม่สุงสิงกับใคร พูดง่ายๆคือเป็นIntrovert ส่วนนางเอกนั้นคือ Extrovert ขั้นสุดที่มีความเฉิดฉายและอยากทำในสิ่งที่ตัวเองทำมาตลอด ความที่มันขั้วตรงข้ามกันมาก(ในส่วนนี้พระเอกออกมาพูดเองด้วยนะ) ทำให้เรื่องนี้มีความร่าเริงและสดใสมากกว่าที่คุณคิด มันไม่ใช่เรื่องแนวเลิฟคอมเมดี้ที่พระเอกมีความลังเลไม่แน่ชัด เป็นพระเอกที่พูดตรงๆแบบเจ็บๆและด่านางเอกไปวันๆ กับนางเอกที่คอยหาเรื่องมาให้พระเอกต้องปวดหัวตลอด ซึ่งมันเป็นความพิสดารของสองตัวละครมากๆ ถ้าให้เทียบก็คงคล้ายๆกับ Me Before You เพียงแต่ว่าสถานะของทั้งคู่นั้นสลับกัน (คือนางเอกเป็นโรคแทนส่วนพระเอกเป็นคนปกติ)
สารในเรื่องที่เราอ่านแล้วรู้สึกชอบมากคือการแสดงออกของนางเอก แม้นางเอกจะรู้ว่าตัวเองนั้นกำลังจะตายแต่สิ่งที่นางเอกปรารถนาคือการได้ใช้ชีวิตให้มีความสุขที่สุดก่อนที่จะต้องตาย ซึ่งตามปกติแล้วถ้ามีคนที่คุณสนิทมาบอกคุณว่าเขานั้นกำลังจะตาย ขอใช้ชีวิตให้เต็มที่กับคุณหน่อยได้หรือเปล่า? เราก็คงอึนๆเป็นแน่แท้ ซึ่งมันไม่ใช่กับพระเอกในเรื่องที่เป็นคนไม่ค่อยสุงสิงกับใครอยู่แล้ว ฉะนั้นนางเอกจึงได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่และทำในสิ่งที่อยากทำกับพระเอก มันเป็นเรื่องที่เหมือนกับให้กำลังใจคนที่กำลังรู้สึกท้อแท้กลายๆด้วยซ้ำว่าคุณอย่ายอมแพ้กับชีวิตคุณและใช้มันให้เต็มที่ ทำในสิ่งที่คุณอยากทำดีกว่า
สุดท้าย สิ่งที่เราว่าเรื่องนี้ไม่เหมือนใครคือการใช้สรรพนามเรียกพระเอก ในเรื่องนี้เราจะไม่เห็นชื่อพระเอกปรากฏมาเลยสักครั้ง พระเอกจะเรียกแทนตัวเองว่า “ผม” ส่วนคนอื่นๆนั้นจะเรียกพระเอกผ่านมุมมองที่ต่างออกไป เช่น “เพื่อนร่วมชั้นที่รู้ความลับของชั้นคุง” ไม่ก็ “เพื่อนร่วมห้องธรรมด๊าธรรมดาคุง” ซึ่งเราว่ามันเป็นสีสันอย่างหนึ่งของเรื่องมาก
*** สำหรับ Kimi no Suizo wo Tabetai นั้นในบ้านเราตัวนิยายเป็นลิขสิทธิ์ของทางสำนักพิมพ์ Maxx Publishing ซึ่งได้วางขายในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาและสำหรัยตัวภาพยนตร์นั้นมีกำหนดการเข้าฉายในบ้านเรา 23 พฤศจิกายนนี้ครับ