จะรอดไหมเนี่ย? 4 ปี ของโปรเจ็ค Cool Japan ขาดทุนไปแล้วกว่า 4 หมื่นล้านเยน!!??

7,884 views

เกิดอะไรขึ้น มันควรจะออกมาคูลไม่ใช่เหรอ ญี่ปุ่น?!

ถึงคำว่า Cool Japan จะไม่ค่อยได้ยินในต่างประเทศสักเท่าไร ย้อนไปเมื่อปี 2013 ในตอนที่โครงการนี้เริ่มออกตัวใหม่ ๆ หลายคนคาดหวังเอาไว้ว่าสิ่งที่บ่งบองถึงความ “คูล” ในวัฒนธรรมญี่ปุ่น อย่างมังงะ อนิเมะ และดนตรี จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ให้สามารถออกไปขายยังต่างประเทศได้

สองปีให้หลัง ในปี 2015 สิ่งเดียวที่ Cool Japan ทำได้ดี คือการแสร้งทำเป็นว่ามันเจ๋ง แต่กำลังตายจากข้างในอย่างช้า ๆ ซึ่งนั่นทำให้เหล่าศิลปิน เซเล็บ เกิดความไม่พอใจจนเกิดการวิพากย์วิจารณ์อย่างรุนแรง สำหรับองค์กรหนึ่งที่เคยให้คำมั่นสัญญาว่าจะช่วยเหลืออุตสาหกรรมด้านนี้

“รัฐบาลญี่ปุ่นได้เริ่มต้นความพยายามใหม่อีกครั้งในสิ่งที่เรียกว่า Cool Japan แต่ในขณะที่พวกเขาทุ่มงบประมาณมหาศาลเข้าไป กลับไม่ได้คิดเลยว่าเงินพวกนี้ควรจะไปยังที่ไหน มันจึงไม่เป็นการกล่าวเกินจริงเลย ว่ามันล้มเหลวและถอยหลังลงคลอง ไปสู่การเอาเงินภาษีประชาชน ไปเข้ากระเป๋าบริษัทที่แม้แต่เราก็ไม่รู้จัก

แต่งบประมาณของ Cool Japan ยังล่องลอยอยู่ในอากาศ โดยที่ไม่รู้ว่ามันมีไว้เพื่อใคร? ผู้คนที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นตอนนี้เข้าใจกันหรือเปล่าว่า Cool Japan มันคืออะไร? หรือแม้แต่รู้หรือเปล่าว่าตัว Cool Japan เองมันคืออะไร? คนที่จะให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ได้มีกี่คนกันนะ? เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก”

กลับมาดูที่หน้าเว็บไซต์ของ Cool Japan ที่ดูจะเต็มไปด้วยความไม่เอาจริงเอาจังสักอย่าง ไม่มีการพูดถึงกิจกรรมอีเวนท์อย่างเป็นทางการของวงการแอนิเมชันญี่ปุ่นที่จัดขึ้นในต่างประเทศ แต่นั่นเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2015 ราวกับว่าหลังจากที่ถูกคุณ Gackt วิจารณ์แรง ๆ ไปครั้งหนึ่งแล้ว พวกเขาก็เริ่มที่จะเอาจริงเอาจังขึ้นมาหลังจากนั้น

เร็ว ๆ นี้ที่ผ่านมา ได้มีบทความอัพเดตข่าวคราวความเคลื่อนไหวของ Cool Japan จากทางสำนักข่าว Gendai Business เกี่ยวกับผลงานของพวกเขาในปี 2017 ในชื่อบทความว่า “2 การลงทุนใหญ่ของ Cool Japan ในรูปของ Wakuwaku Japan และห้าง Isetan ในมาเลเซีย”

Wakuwaku Japan คือช่องโทรทัศน์ดาวเทียมที่ออกอากาศรายการโทรทัศน์จากญี่ปุ่นตลอด 24 ชั่วโมง ในภาษาของแต่ละประเทศที่เข้าไปออกอากาศ ซึ่งนั่นก็ดูเป็นความคิดที่ดี….แค่ในทางทฤษฎี เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจริงคือกว่าครึ่งคือรายการทำนอง “โลกที่มัตซึโกะไม่รู้จัก” กับ “Signal” ฉายวนไป คั่นด้วยโฆษณาขายตรงการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ที่ไม่แนบเนียนเอาเสียเลย

แต่จะว่าก็ไม่ได้ เพราะเป้าหมายหลักของโปรเจกต์นี้คือการดึงให้ชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น แต่การทำให้คนอยากดูช่องนี้คงเป็นสิ่งแรกที่ต้องทำก่อนหน้านั้น เช่นการนำเอารายการทีวีที่หลากหลายแนวเข้ามาเพิ่ม เช่น GameCenter CV, Geinoujin Kakuzuke Check! หรือ Gaki no Tsukai เพื่อดึงดูดให้คนมาดูช่องนี้กันเยอะขึ้น ก่อนที่จะถูกลืมว่าช่องนี้เคยมีตัวตนอยู่ อย่างน้อย เอารายการที่เป็นหน้าเป็นตาของทางช่อง NHK อย่าง Pitagora Switch มาใส่ก็ยังดี เพราะเป็นถึงช่อง Wakuwaku ที่มีรัฐบาลญี่ปุ่นหนุนหลังอยู่ การทำให้เรื่องนี้เป็นจริงขึ้นมาได้คงไม่ใช่เรื่องยากใช่ไหม?

แต่ไม่ และนั่นก็ทำให้เรตติ้งของช่อง Wakuwaku ติดตัวแดง แต่ก็ยังคงถือว่าประสบความสำเร็จมากกว่าช่อง All Nippon Entertainment Works อยู่ดี (ไม่ใช่ช่องของทาง ANA นะ ทางนั้นเขาทำออกมาได้น่าสนใจ เห็นแล้วอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นมากกว่าเยอะเลย)

ช่อง All Nippon Entertainment Works (ANEW) ก่อตั้งในปี 2011 ในยุคที่ Cool Japan ยังเริ่มตั้งไข่เท่านั้น ด้วยการอัดฉีดเงินกว่า 6 พันล้านจากกระทรวงเศรษฐิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (METI) ด้วยเป้าหมายที่จะสร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ และผลักดันให้กลายเป็นสตูดิโอที่เทียบเท่าฮอลลีวูด เปลี่ยนญี่ปุ่นให้เป็นดินแดนแห่งอุตสาหกรรมภาพยนตร์ สำหรับผู้ชมจากโลกตะวันตก

ในช่วงแรกของการลงทุน มีการเปิดตัวด้วยไลน์อัพภาพยนตร์ 7 เรื่อง แต่ด้วยความวุ่นวายในการบริหารของ ANEW ทำให้ 7 เรื่องนั้นแท้งตั้งแต่ยังไม่ทันท้อง สิ่งที่เกิดคือไม่เกิดเม็ดเงินตอบแทนมาเลยแม้แต่เยนเดียว จนกระทั่งรัฐบาลญี่ปุ่นต้องขาย ANEW ให้กับบริษัทกองทุน ในปี 2017 ด้วยราคาต่ำสุดเพื่อเป็นการ cut loss สรุปคือเสียเงินภาษีไป 2.2 หมื่นล้านเยน เพื่อแลกกับอะไรสักอย่างที่พิกลพิการ นำเอาออกมาอวดใครไม่ได้

อีกเรือธงหนึ่งของ Cool Japan ที่ได้กล่าวถึงไปเมื่อครู่ คือห้าง Isetan ที่ออกมาเป็นชิ้นเป็นอัน ในรูปของห้างสรรพสินค้าสูง 5 ชั้น เต็มไปด้วยสินค้าญี่ปุ่น กลางในเมืองกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เมื่ออยู่ในกระดาษ มันช่างดูเป็นไอเดียที่ไร้เทียมทาน (แน่นอนว่าพวกเขาไปเปิดทีจีนด้วย) และประสบความสำเร็จผิดคาด

แต่ถ้าหากให้จำกัดความสั้น ๆ เกี่ยวกับแผนการใช้ห้าง Isetan นั้น เรียกได้ว่า “ไม่ดีเท่าไร” แม้ตัวห้างจะเป็นห้างที่ดี มีสินค้าญี่ปุ่นจำหน่ายเยอะแยะเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศที่ห้างนั้น ๆ ไปเปิด แต่มันก็เป็นแค่ห้าง เราคงไม่แนะนำกันว่าห้างนี่แหละคือความเป็นญี่ปุ่น แถมสินค้าหลาย ๆ อย่างในร้าน ยังแพงหากเทียบกับห้างอื่น ๆ อีกด้วย

และนี่คือวิดีโอของ vlogger ชาวมาเลเซียท่านหนึ่ง ที่ไปรีวิวห้าง Isetan ในมาเลเซีย

ยังแย่ไม่พอ เพราะก่อนหน้านี้มาเลเซียเคยถูกกล่าวถึงว่าเป็นสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาของสินค้าและบริการจากญี่ปุ่น ที่ 70% ของสินค้าและบริการจากญี่ปุ่นที่เข้ามาในมาเลเซียนั้น จบลงด้วยการเจ๊งตั้งแต่ 3 ปีแรก การเปิดห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยสินค้าญี่ปุ่นนั้นเหมือนเอาเรือไททานิคมุ่งหน้าไปยังสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนรายไหนก็คงขยาด

ในภาพรวม บทความดังกล่าวได้ระบุว่าเงินลงทุนของภาคเอกชนกว่า 52.9 พันล้านเยน กับ 25 โครงการนั้น Cool Japan กำลังขาดทุน 4.4 พันล้านเยน โครงการ Cool Japan นั้นเป็นโครงการระยะยาว มีระยะเวลาทั้งหมด 10 ปี ดังนั้นในตอนนี้เราเพิ่งมาถึงเพียงครึ่งทางเท่านั้น การไปตัดสินอะไรในทันทีคงเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมกับตัวโครงการเท่าไรนัก

และสิ่งที่ Cool Japan ควรจะรู้ตัวสักทีว่าโครงการนี้เดิมทีมีเป้าหมายทำมาเพื่อโปรโมทการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น

เราไม่รู้ว่าสิ่งที่ Cool Japan กำลังทำนั้นมีอะไรบ้าง แต่จุดนึงที่เห็นคือการตั้งเป้าไปที่การขยายอุตสาหกรรมในญี่ปุ่น ไปยังต่างประเทศ ซึ่งปกติแล้วเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูงมาก การล้มเหลวจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรแปลกใจ แต่จากตัวอย่างข้างต้นที่กล่าวมา สิ่งที่ Cool Japan กำลังส่งออกไปยังต่างประเทศนั้น ยังคงเป็นสิ่งที่คลุมเครือไม่ชัดเจน แทนที่จะเป็นการเปิดธุรกิจหนึ่งในต่างประเทศ เหตุใดจึงไม่โฟกัสไปยังของที่มีอยู่ในมือ ที่มีโอกาสสำเร็จมากกว่า?

ยกตัวอย่างเช่น ร้านข้าวหน้าเนื้อวัว Yoshinoya ที่ปัจจุบันมีการขยายสาขาไปยังต่างประเทศ ถึงจะมีความเสี่ยง แต่ก็เป็นความเสี่ยงที่ต่ำเพราะทำในสิ่งที่คุ้นเคยอยู่แล้ว Cool Japan อาจอาศัยจังหวะนี้ ส่งเอาร้าน Coco Ichibanya หรือ Kazurashi ไปยังต่างประเทศด้วยเลย ดีกว่าการไปเสี่ยงกับอะไรที่มันยาก ๆ เช่นการสร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่

บางคนอาจสรุปว่าสถานการณ์เหล่านี้คือสิ่งที่บ่งบอกว่ามีความล้มเหลวในตัวของโครงการ Cool Japan แต่สิ่งที่จะบอกได้ว่ามันเป็นจริงหรือไม่ มีเพียงเวลาเท่านั้น ยังเหลืออีก 5 ปีให้รอดู จนกว่าจะถึงวันนั้น Cool Japan จะทำอะไรได้บ้าง ต้องรอดูกันต่อไป

Source: Gendai Business via SoraNews24