ถึงจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ก็ควรรู้ว่าเกือบทุกอิริยาบถในการใช้อินเตอร์เน็ตในทุกวันนี้ แทบไม่ต่างกับเดินแก้ผ้าเข้าไปท่ามกลางฝูงชน ….ที่หลายคนก็กำลังทำแบบเดียวกัน
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกคำสั่งให้บริษัท Facebook พัฒนาระบบป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ หลังจากที่เกิดช่องโหว่ ซึ่งกระทบกับผู้ใช้มากกว่า 87 ล้านคนทั่วโลก เป็นครั้งแรกที่คณะกรรมการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล ของรัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกคำเตือนไปยังสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกา
คณะกรรมการกล่าวว่า ข้อมูลของผู้ใช้จำพวก รหัสประจำตัว และ ประวัติการเข้าชม นั้นสามารถถูกโอนย้ายไปยัง Facebook โดยทันที เมื่อผู้ใช้งานเข้าชมเว็บไซต์ภายนอกที่มีปุ่ม “like” แม้ว่าผู้ใช้งานจะไม่ได้กดปุ่ม “like” ก็ตาม
จากกรณีดังกล่าว Facebook ควรให้คำอธิบายที่ชัดเจน เกี่ยวกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน เพื่อเรียกความเชื่อมั่น และตอบสนองต่อคำร้องขอลบข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานออกจากระบบ อย่างเหมาะสม
ส่วนทาง Facebook ได้กล่าวว่า “นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญบนแพลตฟอร์ม เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบแล้ว เราจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการปกป้องข้อมูลของผู้เข้าใช้งานอย่างดีที่สุด”
จากกรณีที่ข้อมูลรั่วไหล ทางสถาบันที่ปรึกษาข้อมูลในสหราชอาณาจักร Cambridge Analytica ได้พบว่าข้อมูลได้ถูกนำมาใช้ในการเลือกตั้งประธานธิบดี Donald Trump ในปี 2016
“ผู้ใช้ในญี่ปุ่นมากกว่า 100,000 ราย อาจได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ แม้ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกละเมิดจริงหรือไม่” คณะกรรมการกล่าว
นอกจากนี้ คณะกรรมการออกคำสั่งให้ Facebook รายงานการตรวจสอบการละเมิดการใช้ข้อมูลสาธารณะในเดือนกันยายน ที่มีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลมากกว่า 29 ล้านบัญชี รวมทั้งในญี่ปุ่น จากการโจรกรรมโดยแฮกเกอร์
คณะกรรมการ ในฐานะผู้กำกับการดูแลการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในประเทศญี่ปุ่น สามารถออกคำสั่ง และคำแนะนำกับบริษัทและหน่วยงานต่าง ๆ เกี่ยวกับข้อกฎหมายได้
Source : JapanToday
