ตราบใดที่ยังไม่เลิกทำตัวแอบเกาะแบรนด์ดังหากิน และไม่คำนึงถึงสวัสดิภาพผู้คนรอบตัว ก็คงไม่มีวันได้ใจผู้คน
จะเรียกว่าสู้ไม่ถอยหรือไม่ยอมเลิกหรือยังไงดีนะ สำหรับบริษัท MariCar Go-Kart ซึ่งโด่งดังอย่างมากเมื่อ 2-3ปีที่แล้วกับบริการให้เช่ารถโกคาร์ทขับไปในโตเกียวพร้อมแต่งชุดจากซีรีส์ Mario เหมือนกับว่าคุณกำลังเล่นเกม Mario Kart บนโลกจริง ก่อนจะเจอ Nintendo ฟ้องร้องจนต้องยุติการให้บริการ และชดใช้ค่าเสียหายให้กับทาง Nintendo เป็นจำนวนเงินอีก 50 ล้านเยน เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา
แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังไม่ยอมเลิกรา ด้วยการตั้งชื่อใหม่คือ Street Kart ในรูปแบบบบริการที่คล้ายเดิม แถมยังใช้คล้าย ๆ ชุดตัวละครจากมาริโอ้ด้วย
แต่ดูเหมือนว่าพิษการแพร่ระบาดของโรคจิดเชื้อ COVID-19 จะส่งผลกระทบการท่องเที่ยวทั่วญี่ปุ่น แม้กระทั่ง Street Kart ก็ประสบปัญหาด้านการเงินเช่นกัน และนั่นทำให้ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมาพวกเขาได้ตั้งโปรเจกต์ระดมทุนเพื่อช่วยให้บริษัทผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้ โดยตั้งเป้าไว้ที่ 2 ล้านเยน และหลังจากผ่านไป 1 เดือนกว่า ๆ ผลที่ออกมาคือ…
มีผู้ร่วมระดมทุนเพียง 2 คน เป็นเงินแค่ 1,000 เยนเท่านั้น !!
ดูเหมือนว่าหลาย ๆ คนจะไม่ได้สนใจกับบริการนี้ โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวฉาวเรื่องการถูกฟ้องร้องจาก Nintendo ทำให้หลาย ๆ คนดูไม่โอเคกับบริษัทโกคาร์ทแห่งนี้แม้จะเปลี่ยนชื่อก็ตาม ซึ่งจุดนี้ก็เหมือนชาวเน็ตญี่ปุ่นจะให้ความเห็นกันมาพอสมควร เราขอยกตัวอย่างมาให้อ่านดังนี้
“มันคือจุดจบที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ สำหรับคนที่จะมาข้ามเส้นกับฝ่ายกฏหมายของ Nintendo”
“ถ้าไม่นับเรื่องที่เกี่ยวกับ Nintendo มันก็หนวกหูและอันตรายมากอยู่ดี จะดีกว่าไหมถ้ายกเลิกไปเลยหรือให้พวกเขาแก้ปัญหาที่ว่ามาได้”
“ฉันว่าไอ้การพยายามระดมทุนจากคนญี่ปุ่นนั่นแหละที่เป็นปัญหา”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
“ไม่มีใครอยากให้คนพวกนี้สานต่อสิ่งที่พวกเขาเคยทำมาก่อนสินะ”
“ฉันว่าคนญี่ปุ่นเขาไม่สนใจบริการพวกนี้หรอก ลองไปตั้งที่ Indiegogo หรือหาพวกระดมทุนแนวนี้จากชาวต่างชาติสิ”
“ไอ้พวกนี้มันเกาะ Nintendo ดัง”
“ถ้าเจ้าพวกนี้มันปาเปลือกกล้วยหรือกระดองเต่า ฉันจะเตะมัน”
“เอาจริง ๆ ต่อให้มันระดมทุนได้ก็ไม่รู้ว่าจะได้ไปต่อหรือเปล่า เราไม่เห็นนักท่องเที่ยวมานานมากแล้วนะ”
ดูเหมือนว่าการให้บริการรถโกคาร์ทเหล่านี้ไม่ได้มีแค่ประเด็นการละเมิดลิขสิทธิ์จาก Nintendo เท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของความปลอดภัย ที่ดูแล้วคนญี่ปุ่นจะไม่โอเคเท่าไร คงต้องรอดูต่อไปว่า Street Kart จะหาทางคืนชีพตัวเองขึ้นมาอีกครั้งได้อย่างไร จะหันไปสร้างแบรนด์ของตัวเองที่ไม่อิงแอบเกาะตัวละครดังหากินได้หรือไม่ จะไปพัฒนาด้านความปลอดภัยอย่างไร ตราบใดที่พวกเขายังไม่ยอมแพ้นะ
Source : Campfire/Save The Street Kart, Street Kart, Hachima Kiko via Soranews24
