อีกครั้งที่ต้นสนแห่งศาลเจ้าชินเม ได้ปกป้องผู้คนในชุมชนเอาไว้ ตามตำนานท้องถิ่น
หนึ่งในความเชื่อที่เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นของลัทธิชินโต คือความเชื่อที่ว่าในทุกส่วนของธรรมชาติรอบตัวเราล้วนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่ และหากเราได้ไปเยือนศาลเจ้าในลัทธิชินโตนี้ เชื่อว่าเกือบทุกแห่งจะได้พบกับ “ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์” (神木 – ชินโบคุ) อย่างแน่นอน และนี่คือเรื่องราวของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลเจ้าชินเม จังหวัดกิฟุ ที่มีอายุกว่า 1,000 ปี ได้หักร่วงลงมาหลังจากปะทะเข้ากับพายุฝน ที่กระหน่ำเข้ามายังศาลเจ้าเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
เทปบันทึกภาพข่าวการล้มลงของต้นสนยักษ์อายุพันปี
岐阜県瑞浪市にある「神明神社」で樹齢1000年を超えると言われる杉の木が根元から倒れ、家屋などに被害が出ています。県の天然記念物にも指定されていて、町のシンボルのような存在だったということです。https://t.co/3poQcp8Zim#nhk_news pic.twitter.com/EqVW5EvYkh
— NHKニュース (@nhk_news) July 12, 2020
ภาพถ่ายโดยทีมงานสำนักข่าวในท้องถิ่น
岐阜県瑞浪市の大湫神明神社で倒れた大杉は、推定樹齢1200~1300年。「ご神木」として大切にしてきた地域の人たちに、お話を聞きました。#7月豪雨 #瑞浪https://t.co/Mh56sRoneo pic.twitter.com/sTwjEyWcES
— 朝日新聞岐阜総局 (@asahi_gifu) July 14, 2020
ด้วยความสูงกว่า 40 เมตร เส้นรอบวง 11 เมตรจากจุดที่หนาที่สุด จึงไม่น่าแปลกใจกับอายุของต้นสนต้นนี้ ที่น่าจะอยู่ราว ๆ 1,200 – 1,300 ปี โดยในท้องถิ่นที่ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ มีตำนานเล่าขานกันว่าเมื่อนานมาแล้ว ชุมชนบริเวณรอบประสบปัญหาภัยแล้งถึงขั้นสุด ชาวบ้านจึงพากันมาขอพรที่ศาลเจ้าแห่งนี้ หลังจากนั้น 7 วัน มีงูสีขาว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งในตำนานญี่ปุ่น ปรากฎตัวขึ้นและเลื้อยลงไปในดินแถวรากต้นส้น พอชาวบ้านลองไปขุดดูก็พบว่าตรงนั้นมีน้ำสะอาดอยู่ จึงรอดพ้นความแห้งแล้งมาได้
ภาพต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้าชินเม ก่อนพายุมาถึง
瑞浪市、中山道大湫(おおくて)宿の神明神社のご神木。写真は昨年秋に撮影。このたびの倒木は残念ですね。 pic.twitter.com/mhHIlvTkfV
— かねのぶ (@y7BT45tIJRIp08J) July 12, 2020
ต่อมาในสมัยเอโดะ ต้นสนยักษ์ดังกล่าวได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของชุมชนเมื่อพื้นที่บริเวณรอบศาลเจ้าถูกพัฒนาให้เป็นจุดพักโอคุเตะ (大湫宿 – โอคุเตะจุคุ) หนึ่งในจุดพักบนถนนสายภูเขากลาง (中山道 – นากะเซ็นโด) ที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองเอโดะ (โตเกียวในปัจจุบัน) กับเมืองเกียวโต
ซึ่งต้นสนยักษ์ต้นดังกล่าว มีผู้คนแวะเวียนมาสักการะบูชาตลอดมาตั้งแต่สมัยก่อน
แต่หลังจากการพัฒนาให้เป็นจุดพัก พื้นที่โดยรอบก็ประสบภัยแล้งอีกครั้ง ชาวบ้านจึงพากันไปขอพรที่ศาลเจ้า แต่สิ่งที่ปรากฎขึ้นมาคราวนี้ไม่ใช่งูขาว แต่เป็นงูดำ ที่พยายามชี้ทางให้ชาวบ้านตามมันมาที่ทางฝั่งตะวันตกของต้นสน และที่นั่นชาวบ้านก็ได้พบกับตาน้ำอีกครั้ง จึงได้น้ำมาช่วยชุมชนให้พ้นภัยแล้งได้ในที่สุด ซึ่งในปัจจุบันบริเวณฝั่งตะวันตกดังกล่าว ได้กลายเป็นเมืองที่มีชื่อว่า “มิซึนามิ”
瑞浪市大湫町にある、県の天然記念物の『大湫神明神社の大杉』が倒れたとか…。
この前見に行ったばかりなので本当にビックリしたしショック…。 pic.twitter.com/iameJw0Zwy
— 190(イクオ) (@shinkenger_red) July 12, 2020
แม้หลายครั้งที่ต้นสนยักษ์ต้นนี้จะนำพาให้ชาวบ้านไปพบกับแหล่งน้ำใต้ดิน แต่กับปริมาณน้ำฝนจากบนฟ้าที่ตกลงมาเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ก่อนนั้นมากเกินไป ซึ่งสถานีดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาในบริเวณใกล้เคียงได้บันทึกเอาไว้ว่าในช่วงเวลาดังกล่าว คือวันที่ 11 – 12 กรกฎาคม มีปริมาณน้ำฝนสูงกว่า 1.3 เมตร กระทั่งตัวต้นสนโค่นลงมาที่พื้น เผยให้เห็นรากที่ฝังเอาไว้ใต้ดิน
#大湫宿 #神明神社
幼い頃、ここを通ってアイスを買いにいった。まだ生きてる木の香りがして、物悲しくなった。 pic.twitter.com/42zi6Z5XN9— 関の太郎 (@Lakshmi_0401) July 13, 2020
จากเหตุต้นสนยักษ์ล้มลงนั้น สร้างความเสียหายให้กับอาคารของศาลเจ้า และหลังคาของบ้านเรือนในบริเวณใกล้เคียงบางส่วน ยอดของกิ่งบางส่วนยื่นออกมาบนถนน ทำให้ไม่สามารถเดินทางสัญจรได้จนกระทั่งได้มีการเข้ามาเก็บกวาดในเช้าวันที่ 13 ที่ผ่านมา
岐阜県瑞浪市大湫町の「大湫神明神社」で、樹齢1200~1300年と推定され1956年に県の天然記念物に指定された神木が倒れました。前夜からの豪雨で地盤が緩み、倒木したとみられます。https://t.co/QBJtoMJl60 pic.twitter.com/YbCWNgUNQk
— 毎日新聞写真部 (@mainichiphoto) July 12, 2020
เคราะห์ดีที่ครั้งนี้ไม่มีการรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่การสูญเสียสัญลักษณ์ของชุมชนที่อยู่มาด้วยกันกว่าพันปี ก็สร้างความเสียใจให้กับผู้คนในชุมชนที่ผูกพันธ์กับต้นสนยักษ์นี้ไม่น้อย ซึ่งทางตัวแทนของศาลเจ้าก็ยังไม่มีประกาศว่าจะหาต้นใหม่มาทดแทน หรือมีแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างไรต่อไป
ส่วนทางฝั่งชาวเมือง ก็ร่วมกันจัดทำแกลลอรี่รวมภาพต้นสนยักษ์ต้นนี้ เพื่อให้เป็นที่ระลึกถึงสัญลักษณ์ของชุมชนว่ามันยังคงอยู่กับพวกเขาไม่ได้จากไปไหน
Source: NHK News Web via Jin, Gifu Shimbun, Mizunami City, SoraNews24