นับตั้งแต่ สาวกระโดดทะลุเวลา, Summer Wars, Wolf Children มาจนถึงงานที่ฉายไปเมื่อไม่กี่ปีก่อนอย่าง Mirai no Mirai แฟนอนิเมะสายเนื้อเรื่อง ที่ติดตามผลงานของคุณผู้กำกับ โฮโซดะ มาโมรุ ก็คงตั้งตารอคอยว่า ผลงานชิ้นต่อไปของเขา จะเป็นอย่างไร และหยิบเรื่องอะไรมาเล่า
ในปี 2021 นี้ เราก็ได้มีโอกาสรับชมผลงานชิ้นล่าสุดของเขาเสียที กับเรื่อง Belle หรือในชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า Ryu to Sobakasu no Hime ที่แปลได้ตรงตัวว่า “มังกร กับ เจ้าหญิงหน้าตกกระ” ซึ่งจากการโปรโมต เราก็จะทราบกันว่า ผลงานชิ้นนี้ ผู้กำกับจะหยิบเอา Beauty and The Beast มาตีความใหม่ให้เข้ากับสไตล์ของคุณโฮโซดะ
Belle กล่าวถึงโลกในอนาคตอันใกล้ ที่ซึ่งมีโลกออนไลน์ U เป็นอีกโลกใบหนึ่งที่ผู้คนทั่วโลกจะสามารถไปสร้างอวาตาร์ ตัวใหม่ ๆ บนโลกแห่งนั้น และมีชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่งที่โลกแห่งความเป็นจริงอาจจะตอบสนองตัวเองได้ไม่มากพอ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโลกเสมือนจริงที่เติมเต็มความรู้สึกของทุก ๆ คนได้
เรื่องราวเน้นที่ ซึสึ เด็กสาวใบหน้าตกกระ ไม่มีรูปร่างหน้าที่โดดเด่น และยังมีปมจากวัยเด็ก ที่แม่ของเธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุระหว่างช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำหลาก ทำให้เธอตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าแม่ของเธอสละชีวิตเพื่อช่วยใครที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน แล้วทิ้งครอบครัวไปแบบนี้มันคุ้มค่าได้อย่างไร ซึ่งซึสึก็เติบโตมาอย่างไม่ร่าเริง แม้จะมีงานอดิเรกที่การชอบร้องเพลง และทำได้ดีอย่างน่าอัศจรรย์ แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะแสดงมันออกมาให้ใครเห็น
จนวันหนึ่ง ฮิโระจัง สาวแว่นเพื่อนสนิทของเธอ ชักชวนให้ซึสึ ลองสร้างแอคเคาท์ในโลก U ขึ้นมาสักครั้ง ซึ่งในโลกนั้นเอง ซึสึ ได้มีอวาตาร์เป็นหญิงสาวผู้เลอโฉม Belle ที่ร้องเพลงได้อย่างไพเราะ และทำให้คนทั้งโลกหลงรัก จนเธอกลายเป็นคนดังในโลกออนไลน์ มีผู้ติดตามหลายล้านคน โดยที่แทบไม่มีใครรู้เลยว่า ตัวจริงของ เบลล์ เป็นเพียงเด็กสาวที่ดูธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งในโลกออนไลน์ ระหว่างที่เบลล์กำลังจะร้องเพลงบทใหม่ท่ามกลางฝูงชน ก็ได้มีมังกรที่ดูน่ากลัว ซึ่งเป็นแอคเคาท์ลึกลับที่เข้ามาปั่นป่วนเซิร์ฟเวอร์ และในการพบกันระหว่างทั้งสองนั่นเอง ที่ทำให้เบลล์/ซึสึ ได้รับรู้ว่า การเป็นคนที่มีชื่อเสียง หรือมีความสามารถ จะสามารถช่วยเหลือใครสักคนหนึ่งที่เหมือนเป็นตัวปัญหาของสังคมได้อย่างไรบ้าง
แก่นเนื้อหาของ Belle นั้น จึงเน้นที่ตัวตนของซึสึ/เบลล์ ที่มีความแตกต่างกันระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงและในโลกออนไลน์ มีแง่มุมที่ใกล้ตัวอย่างเรื่อง Cyber Bully หรือเรื่องความรุนแรงในครอบครัว หรือการพยายามเป็นคนเด่นคนดัง ที่อาจจะแฝงด้วยที่มาที่ไปอันหลากหลาย และเรื่องนี้ก็พยายามถ่ายทอดว่า ในมุมมองของซึสึนั้น เธอจะทำอย่างไร ระหว่างสถานะของตัวซึสึเอง หรือในฐานะของเบลล์
อย่างไรก็ตาม ผลงานชิ้นนี้แม้จะมีแก่นที่ดี แต่การหยิบเอาความเป็น Beauty and The Beast มาใช้ กลับผิวเผินกว่าที่คิดไว้มาก และยังมีอีกหลายปม หลายประเด็น ที่ใส่เข้ามาเป็นประเด็นรอง ๆ แต่เป็นเหตุการณ์สำคัญ ทั้งชีวิตประจำวันของตัวซึสึ และปมในใจของตัวเธอ ไปจนถึงตัวละครที่เข้ามามีบทบาทช่วงเกือบกลางเรื่องอย่าง “มังกร” ที่ไม่รู้ที่มาที่ไปชัดเจน ว่าเขาเป็นใคร และทำไมต้องอาละวาดสร้างความปั่นป่วนในเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งทำให้การเล่าเรื่องนั้นกระจัดกระจาย กว่าจะจับประเด็นได้ว่าเรื่องต้องการสื่ออะไร ก็เกือบจะจบเรื่องแล้ว
และเมื่อกว่าแต่ละปมจะได้คลี่คลาย ทุกอย่างก็ดูผ่านพ้นไปได้อย่างเรียบง่ายไปจนดูไม่สมเหตุสมผล หากเทียบกับปมที่ผู้สร้างตั้งโจทย์ไว้
จึงถือว่าค่อนข้างน่าเสียดาย ถ้าหากผู้สร้างเลือกแค่สักประเด็นใดประเด็นหนึ่ง แล้วเน้นเล่าเรื่องที่ส่วนนั้นให้ลึกซึ้งไปเลย อาจจะทำให้อินได้ง่ายกว่า และมีเวลาในการขัดเกลาจุดไคลแมกซ์ให้ลงตัวมากกว่านี้
หากเทียบกับ Summer Wars แล้ว แม้ว่าเรื่องนี้จะมีฉากซึ้งเรียกน้ำตาได้อยู่บ้าง รวมถึงมีงานภาพ และเพลงประกอบที่ตราตรึงจนน่าขนลุก แต่ความกลมกล่อมนั้นยังเป็นรองจาก Summer Wars อยู่มาก ซึ่งที่ต้องเทียบกับผลงานชิ้นนั้น เพราะเรื่องนี้มีการใช้เซ็ตติ้งของโลกออนไลน์ที่คล้าย ๆ กัน แต่ชั้นเชิงนั้นกลับทำได้ไม่ดีเท่าผลงานเก่า
อย่างไรก็ตาม เรื่อง Belle นี้ ก็ยังช่วยจุดประเด็นของสถานะคนดังในโลกออนไลน์ ที่หากเขาทำสิ่งใด ก็ย่อมนำพาความคิดผู้คนได้ และเสียงของเขาจะมีพลังมากพอที่จะช่วยเหลือ หรือเปลี่ยนแปลงคนตัวเล็ก ๆ ได้อยู่มาก และนอกจากนี้ ทั้งบทเพลง และงานภาพ ถือว่าเป็นอีกก้าวหนึ่งของภาพยนตร์อนิเมชั่นญี่ปุ่นที่ทำได้ดี เข้ามารับชมเฉพาะงานภาพและเพลงก็ถือว่าคุ้มค่าพอสมควรครับ รวมถึงเรื่องนี้ยังรวบรวมผู้พากย์เสียงเป็นศิลปินและดาราระดับแถวหน้าของญี่ปุ่นทั้งนั้น ก็นับว่าเป็นงานรวมดาวเด่นที่น่าสนใจมากเช่นกัน